รักตับ มาดูแลตับกัน!!!
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. นายแพทย์ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ หัวหน้าศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านโรคตับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย อธิบายความสำคัญของตับไว้ว่า
"หากจะเปรียบให้เข้าใจง่ายๆ ตับก็เหมือนแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย โดยมีน้ำหนักประมาณ 1.2 กิโลกรัม"
ตับมีหน้าที่อะไร
– เป็นแหล่งสร้างสารต่างๆ ที่ร่างกายต้องการ
– ตับมีหน้าที่สร้างน้ำดีและน้ำดีช่วยละลายไขมัน
– ตับเป็นแหล่งสะสมพลังงานและสารอาหาร
– ตับเป็นแหล่งผลิตพลังงานให้ร่างกาย ในการนำสารอาหารมาสลายให้พลังงาน
– ตับเป็นแหล่งทำลายพิษต่างๆและยา
– ตับช่วยเป็นเกราะกำลังที่สำคัญของร่างกาย
หากตับป่วย จะมีอาการอย่างไร
อาการทางโรคตับอาจแบ่งออกเป็นสองอย่าง คือ อาการเฉพาะที่บริเวณตับและอาการอันเกิดจากการทำงานของตับที่ลดลง
อาการเฉพาะที่ จะมีอาการจุกแน่นชายโครงขวา หรือแค่ท้องอืดตื้นๆ หากตับโตมากๆ หรือมีอาการก้อนในตับอาจโตจนคลำตับได้หรือมีก้อนดันหน้าท้องนูนออกมา บางรายอาจรวมกับมีอาการปวดร้าวไหล่หรือสะบักด้านขวาได้
อาการซึ่งเกิดจาการทำงานของตับที่ลดลง จะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ในกรณีที่ตับมีอาการเสื่อมการทำงานมากๆ จะทำให้ระดับโปรตีนในเลือดต่ำ เกิดเท้าบวม ท้องมาน มีภาวะดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง เลือดหยุดยาก หากเป็นมากๆอาจเกิดตับวายได้
ปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคต่างๆ เกี่ยวกับตับ
1. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำ เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เกิดความผิดปกติของการใช้โปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตในตับ ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบ และเรื้อรังจนเป็นตับแข็ง
2. การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือซีเรื้อรังและไม่ได้รับการรักษา ทำให้เกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง และกลายเป็นตับแข็งหรือเป็นมะเร็งตับ
3. โรคตับอักเสบจากไขมัน เกิดจากภาวะที่มีไขมันสะสมที่ตับเป็นจำนวนมาก อาจจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรังจนกลายเป็นตับแข็งได้ ซึ่งอาจพบร่วมกับโรคบางชนิด เช่น เบาหวาน โรคอ้วน หรือในคนปกติก็ได้
4. การทานยาบางชนิดเป็นระยะเวลานาน เช่น ยาแก้ปวดพาราเซตามอล ทำให้ตับทำงานหนักและมีโอกาสเกิดการอักเสบ
5. การได้รับสารพิษเข้าสู่ร่างกายเป็นประจำ เช่น สารหนู (arsenic) ทำให้ตับทำงานหนักและเกิดการอักเสบ
โรคต่างๆ เกี่ยวกับตับ
ไขมันพอกตับ (Fatty Liver) หรือไขมันเกาะตับ เป็นภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันที่รับประทานไปใช้ได้หมด จึงสะสมเป็นไขมันในรูปไตรกลีเซอไรด์ในเซลล์ตับ หากไม่รักษาอาจส่งผลให้กลายเป็นตับแข็งและมะเร็งตับได้ โดยพบได้ทุกเพศทุกวัย แต่จะพบมากในอายุ 40-50 ปีขึ้นไป
ตับแข็ง (Liver Cirrhosis) เป็นโรคที่เป็นผลมาจากเนื้อเยื่อตับถูกทำลายต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจากหลายสาเหตุ จนเกิดแผลเป็นและพังผืดขึ้น ทำให้ตับไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติ และอาจหยุดการทำงานลงจนนำไปสู่ภาวะตับวายเฉียบพลัน
ตับอักเสบ (Hepatitis) อาจเกิดจากจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ หรือสาเหตุอื่น ๆ อย่างการดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมาก การใช้ยาเสพติด ผลข้างเคียงจากการใช้ยา การได้รับสารพิษ โรคอ้วน รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันทำลายตับเอง ทำให้ตับเกิดความเสียหายจนเกิดอาการป่วยต่าง ๆ ตามมา หากตับอักเสบอย่างเรื้อรัง อาจทำให้การทำงานของตับผิดปกติ เกิดโรคตับแข็ง หรือเสี่ยงเป็นมะเร็งตับได้
มะเร็งตับ (Liver Cancer) เกิดขึ้นเมื่อเซลล์บริเวณตับมีลักษณะหรือการทำงานผิดปกติแล้วพัฒนาเป็นมะเร็งในที่สุด หรืออาจเกิดจากการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งจากบริเวณอื่นมายังตับก็ได้ ซึ่งมะเร็งตับส่วนใหญ่ก็มักมีที่มาจากสาเหตุหลังนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งตับมักไม่แสดงอาการจนกว่าจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการรักษา
กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าคนไทยมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งตับสูงที่สุดในโลก มีข้อมูลจากสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ เปิดเผยว่า มะเร็งตับเป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับที่ 1 ของคนไทย ส่วนใหญ่จะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง แต่ละปีมีผู้ป่วยมะเร็งตับ 20,000 คน ซึ่งในปี 2561 โรคมะเร็งตับคร่าชีวิตคนไทยถึง 15,912 คน
เรามาดูแลตับด้วยเลซิติน ชนิดฟอสฟาทิดิลโคลีนสูง กันเถอะ
เพื่อลดความเสี่ยงจากโรคตับชนิดต่างๆ
เลซิติน...ช่วยบำรุงตับ ลดการทำลายเซลล์ตับ
สารสำคัญที่พบในเลซิติน คือ ฟอสฟาทิดิลโคลีน (Phosphatidylcholine) เป็นสารที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย รวมทั้งเซลล์ตับ
เลซิตินพบได้ในอาหารหลายชนิดจากทั้งพืชและสัตว์ เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก แครอท เนื้อสัตว์ ปลา รวมทั้งไข่แดง นม เนย ถั่วลิสง แต่เลซิตินที่มีคุณภาพดีที่สุด คือเลซิตินจากถั่วเหลือง
เลซิติน...ช่วยบำรุงตับ และลดการทำลายเซลล์ตับ ได้จริงหรือไม่?
จริง เนื่องจากสารที่พบในเลซิตินเป็นสารที่มีความสำคัญ ทั้งยังเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์ทุกชนิดในร่างกาย รวมถึงเซลล์ตับด้วย นอกจากนี้สารสำคัญในเลซิตินยังมีฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันการเกิดความผิดปกติทั้งจากการดื่มแอลกอฮอล์ การรับประทานยาบ่อย การได้รับสารเคมีหรือสารพิษต่างๆที่เข้าสู่ตับ และช่วยป้องกันตับถูกทำลาย ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่า เลซิติน มีบทบาทในการช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับได้
เลซิติน ช่วยลดการเกิดภาวะไขมันพอกตับได้อย่างไร?
โคลีนในเลซิตินเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการทำงานของเซลล์ โดยเฉพาะเซลล์ตับ พบว่าหากขาดโคลีนจะทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับได้
โคลีนจะมีผลในการเร่งการเผาผลาญไขมันที่ตับ ทำให้ไขมันถูกนำไปใช้เป็นพลังงานมากขึ้น
เลซิตินมีผลในการช่วยลดไขมันในเลือด โดยเฉพาะไขมันโคเลสเตอรอลที่เป็นตัวการสำคัญในการทำให้เกิดภาวะไขมันพอกตับ ดังนั้นการรับประทานเลซิตินจะทำให้ลดโอกาสเกิดภาวะไขมันพอกตับได้
เลซิติน กิฟฟารีน
เลซิติน กิฟฟารีนเสริมฤทธิ์ด้วยการผสมแคโรทีนอยต์ และวิตามิน อี เพื่อให้เลซิตินมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ผลิตจากโรงงานที่ได้รับ มาตรฐาน ISO/IEC 17025 เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการทดสอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพใช้วิเคราะห์คุณภาพอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
รักตับให้เลซิติน ดูแลตับสิคะ
ข้อมูลเพิ่มเติม...
สอบถามข้อมูลเพิ่ม...
เบญจมาศ มณทิพย์