แคลเซียมจำเป็นกับทุกคนจริงๆ
“แคลเซียม” เป็นสารอาหารที่มีความจำเป็นต่อการดำรงชีวิต กระดูก ฟัน เส้นผม และผิวหนัง
เป็นธาตุเกลือแร่ที่พบมากที่สุดในทุกส่วนของร่างกาย โดยในร่างกายคน 50 กิโลกรัม จะมีแคลเซียมอยู่ประมาณ 1 กิโลกรัม ซึ่งเกือบทั้งหมดจะอยู่ในกระดูกและฟัน
แคลเซียม มีหน้าที่สำคัญก็คือ การสร้างกระดูก ซึ่งกระดูกทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของร่างกาย
รักษารูปร่างและลักษณะของร่างกายให้สวยงาม และยังเป็นที่ยึดเกาะของกล้ามเนื้อ
ทำไมต้องเสริมแคลเซียม และควรเสริมปริมาณเท่าไหร่
คนเราควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูงให้ได้ปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวัน คือ ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรง ช่วยบำรุงให้กับกระดูกและฟัน เนื่องจากกระดูกของคนเราจะหนาแน่นได้เต็มที่เมื่ออายุประมาณ 30 ปี หลังจากนั้นกระดูกก็จะเริ่มหนาแน่นน้อยลงไปอย่างช้าๆ
เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุ จะมีการสลายของมวลกระดูก ซึ่งจะก่อให้เกิดโรคกระดูกพรุนทุกคน ดังนั้นการป้องกันภาวะกระดูกพรุนที่มีประสิทธิภาพ ควรเริ่มตั้งแต่อายุยังน้อย หรืออายุก่อน 40 ปี โดยการรับประทานอาหารบำรุงกระดูก และแคลเซียมให้เพียงพอ คือประมาณวันละ 1,000 มิลลิกรัม
ผู้หญิงในช่วงวัยหมดประจำเดือน (อายุ 50 ปีขึ้นไป)ควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมเพื่อเสริมกระดูกวันละ 1,500 มิลลิกรัม เช่น นมไม่มีไขมัน ปลาเล็กปลาน้อยพร้อมกระดูก กุ้งแห้ง กุ้งฝอย ถั่วแดง งาดำ อาหารทะเล ผักใบเขียวทุกชนิด เป็นต้น หรือรับประทานอาหารเสริมแคลเซียมเพื่อเสริมกระดูก
ประโยชน์ของแคลเซียม
1. ช่วยให้กระดูกและฟันมีสุขภาพแข็งแรง
2. ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกเสื่อมและกระดูกหัก
3. ช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่
4. ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ
5. มีส่วนช่วยให้จังหวะการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
6. ช่วยเผาผลาญธาตุเหล็กในร่างกาย
7. ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
8. ช่วยป้องกันการเกิดโรคกระดูกอ่อนในเด็ก
ขาดแคลเซียมแล้วเกิดอะไรขึ้น?
หากร่างกายขาดแคลเซียมติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้ปริมาณแคลเซียมในเลือดลดต่ำลงจนเกิดอาการผิดปกติตามมา เช่น การเกิดตะคริวบ่อย อาการชา เกร็ง หงุดหงิดง่าย และมีอาการชักร่วมด้วย เนื่องจากกล้ามเนื้อตอบสนองไวเกินไป ในบางรายที่มีการขาดแคลเซียมรุนแรง อาจถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้
แคลเซียมแต่ละแหล่งมีความแตกต่างกันอย่างไร?
แคลเซียมที่จำหน่ายทั่วไปมักจะได้จากหินปูน (Calcium carbonate) ราคาค่อนข้างถูก
แต่ร่างกายสามารถดูดซึมนำไปใช้ได้ เพียง 20%-30%
แคลเซียมจาก นมหรือผัก มีเปอร์เซ็นต์การถูกดูดซึมได้ดีกว่าคือมากถึง 50%
จากการทดลองแบบเสมือน ในห้องทดลองพบว่าแคลเซียมจากสาหร่ายทะเล สามารถดูดซึมในลำไส้ ได้ถึง 86.5%
แคลเซียมจากสาหร่ายทะเลสีแดง คือสาหร่ายสีแดงพันธุ์ Lithothamnion sp ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่ร่างกาย ต้องการจำนวน 74 ชนิด โดยแร่ธาตุหลักเป็น แคลเซียม (32 %) และ แมกนีเซียม (2.2%) แหล่งเก็บเกี่ยวของสาหร่ายชนิดนี้อยู่บริเวณ Bíldudalur ประเทศไอซแลนด์ ขั้วโลกเหนือซึ่งเป็นทะเลที่สะอาด
ข้อดีของแคลเซียมจากสาหร่ายทะเล
1. ไม่มีการอุดตันของแคลเซี่ยมในระบบหลอดเลือดหัวใจเมื่อบริโภคไปมากกว่า 4 ปี
2. เสริมสร้างการสร้างกระดูกให้แข็งแรง
3. มีความเป็นด่างสูง pH 9.5-10.5
4. ไม่มีสารก่อให้เกิดภูมแพ้
5. วัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี
6. มีผลึกโครงสร้างที่ช่วยให้แตกตัวและดูดซึมได้ดี
7. มีแร่ธาตุต่างๆ 74 ชนิด มีแคลเซียมสูง 33% และแมกนีเซียม 2.2%
สารสำคัญจากสาหร่ายทะเลสีแดง ได้รับรางวัลสารอาหารยอดเยี่ยมแห่งปี 2016 สาขา Healthy Aging (การชะลอวัย) จากงาน Vitafoods กรุงเจนิวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์พร้อมทั้งได้รับการรับรองมาตรฐานระบบออร์แกนิคจากยุโรป
มาเติมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อชีวิตให้ครบด้วย Sea Min Drink จากกิฟฟารีน
เครื่องดื่มน้ำสตรอเบอร์รี่ 30% ผสมแคลเซียมจากสาหร่ายสีแดง และวิตามินดี 3
แคลเซียมและแร่ธาตุ 72 ชนิดเพื่อการชะลอวัย
ให้พลังงาน 25 Kcal / ซอง
ข้อมูลเพิ่มเติม🔽
สอบถามข้อมูลเพิ่ม🔽